หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

เก๊าท์ (ตอนจบ)

เก๊าท์ (ตอนจบ) หมอ นอกกะลา
คราวนี้ก็มาถึง การปรับปรุงขาออกกันนะครับ อย่างที่ทราบในตอนที่ 1 ครับ การขับกรดยูริกออกจากร่างกาย ใช้ 2 ทางหลัก คือ 1. ขับออกทางระบบทางเดินอาหาร และ ซึ่งการขับออกทางระบบทางเดินอาหารจะขับออกได้ประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณกรดยูริกที่ร่างกายสร้างได้ในแต่ละวัน 2. ขับออกทางไต ส่วนที่เหลืออีก 2 ใน 3 เป็นการขับออกทางไต

การขับทางระบบทางเดินอาหาร แก้โดย พยายามทานผัก ผลไม้ เพื่อไม่ให้เกิดอาการท้องผูก
การขับออกทางไต อันนี้ ค่อนข้างยากสำหรับผู้ที่เป็นเก๊าท์ อันเนื่องมาจากภาวะไตเสื่อม แต่แก้ไขได้ครับ เป็นที่ทราบกันดีในวงการแพทย์ทั่วโลกว่า ไตถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งความหวานเป็นตัวพาไป รวมถึง โพแทสเซียมก็ถูกขับออกทางไตเช่นกัน ไตเสื่อมทำให้เกิดการคั่งของโพแทสเซียม ผู้ป่วยไตวายมักจะมีการคั่งของ โพแทสเซียม ถ้าระดับโพแทสเซียมสูงมากอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้
ผักที่มีโพแทสเซียมสูงควรงดได้แก่ หัวปลี ผักชี ต้นกระเทียม ที่มีมากได้แก่ บร๊อคโคลี่ แครอท มันเทศ ผักบุ้ง เห็ดฟาง มะเขือพวง มะเขือเปราะ ใบแมงลัก โหระพา หน่อไม้ฝรั่ง หอมแดง ผักปวยเล้ง มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ ถั่วต่างๆ เม็ดทานตะวัน โดยเฉพาะถั่วดำและถั่วปากอ้า กาแฟ น้ำนม ผักที่มีสีเขียวเข้ม สีเหลืองเข้ม เช่น บล็อกโคลี่ ดอกกะหล่ำ ขึ้นฉ่าย
ผักที่มีโพแทสเซียม ปานกลางได้แก่ เห็ดนางฟ้า แตงกวา ฟักเขียว พริกฝรั่ง หัวผักกาดขาว มะเขือเทศสีดา ผักกาดขาวใบเขียว พริกหยวก
ผักที่มีโพแทสเซียมน้อยได้แก่ บวบเหลี่ยม ถัวพู หอมหัวใหญ่ ผักที่มีน้อยที่สุดคือเห็ดหูหนู
• ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงควรงดได้แก่ มากที่สุดคือทุเรียนหมอนทอง และชะนี รองลงมาได้แก่มะพร้าว กล้วย ลำไยพันธ์ต่างๆ มีปานกลางได้แก ฝรั่ง มะขาม กระท้อน ส้ม ลางสาด องุ่น มะม่วง มะละกอสุก ลิ้นจี่ ละมุด ขนุน ลูกพรุน ลูกเก็ด
• ผักและผลไม้ที่พอรับประทานได้ แต่ปริมาณไม่มากได้แก่ ถั่วพู ถั่วผักยาว มะเขือยาว หน่อไม้ตรง ผักคะน้า ถั่วลันเตา มะระ หัวผักกาดขาว มะม่วง มะละกอ องุ่น แตงโม แอปเปิล ชมพู่
• ผักที่รับประทานได้ กะหล่ำปลี แตงกวา บวบ ฟักเขียว ถั่วงอก
ฟอสฟอรัสก็ขับออกทางไตซึ่งมีมากที่สุดในนมทุกรูปแบบ ผลิตผลจากนม เช่นเนยแข็ง โยเกิร์ต ไอศกรีม โซดา น้ำอัดลม ไข่ไก่ ไข่เป็ดโดยเฉพาะไข่แดงจะมีฟอสฟอรัสมาก รองจากนม ส่วนไข่ขาวมีน้อย ถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิด เมล็ดฝักทอง เมล็ดแตงโม เมล็ดมะม่วงหินพานต์ การที่รับประทานอาหารเหล่านี้มากจะทำให้ระดับฟอสเฟตในเลือดสูงทำให้ระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ในเลือดสูงขึ้น และวิตามิน ดี ในเลือดต่ำลงส่งผลให้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอีกด้วยครับ
และอาหารที่ไตต้องการคือ ข้างฟ่าง, ข้าวสาลี, กุยไช่, เมล็ดผักกุยไช่, ถั่วขาว, ลูกเดือย, เม็ดบัว, เกาลัด, งาขาว, งาดำ, เห็ดหูหนูดำ, เห็ดหูหนูขาว, ลูกหม่อน, พุทราจีน, แปะก๊วย,ไตแพะ, ไตหมู, เขากวางอ่อน, ปลิงทะเล, หอยแมลงภู่, โสม, กระชาย, เก๋ากี้, ใบเก๋ากี้, รากหญ้าคา, ฟักเขียว ฯลฯ
สำหรับผมที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการให้คำแนะนำผู้ป่วยคือ น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน คือ การนำเอากระเจี๊ยบแดงแห้งหรือสดก็ได้ มาต้มรวมกับพุทราแห้ง เป็นพุทราจีน หรือพุทราป่า (พุทราไทย) ก็ได้ เพื่อทำเครื่องดื่มครับ
มาดประโยชน์ครับ
ช่วยล้างไขมันในเลือดที่มีมากเกินไป เมื่อไขมันถูกล้างออกมาเรื่อยๆ โดยการกินน้ำกระเจี๊ยบพุทราจีนผนังหลอดเลือดก็จะยืดหยุ่นบีบตัวและขยายตัว เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดสะดวกขึ้น บีบตัวและขยายตัว ตามจังหวะการเต้นของหัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยไม่มีไขมันมาขัดขวางพวกเส้นเลือดขอดก็จะพอทุเลาลงได้ แล้วยังช่วยให้เส้นเลือดแข็งแรง ไม่เปราะ
-ไม่ควรต้มกระเจี๊ยบกินเดี่ยวๆ เป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้ไตเสื่อม จึงต้องมีพุทราจีน ตากแห้งผสมลงไปเป็นตัวแก้และยังช่วยบำรุงไตไปพร้อมกัน
-ไม่เติมน้ำตาล
วิธีทำ
เตรียมกระเจี๊ยบ 1 ขีด เตรียมพุทราจีน 2 ขีด
ล้างน้ำให้สะอาดบีบพุทราจีนให้แตก ใส่รวมกันลงภาชนะเติมน้ำเปล่า 4 ลิตร เคี่ยวประมาณ 1/2 ชั่วโมง ต้มให้เดือดสักพักหนึ่งแล้วยกลง เทกรองเนื้อออกให้เหลือแต่น้ำ ดื่มวันละ 500 ซีซีครับ
มาดูสรรพคุณของกระเจี๊ยบ
1. เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดน้ำหนักด้วย
2. ลดความดันโลหิตได้โดยไม่มีผลข้างเคียง
3. น้ำกระเจี๊ยบทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง
4. ช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดี
5. มีฤทธิ์ขับปัสสาวะเป็นการช่วยลดความดัน อีกทางหนึ่ง
6. ช่วยย่อยอาหารเพราะไม่เพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร
7. เพิ่มการหลั่งน้ำดีจากตับ
8. เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่นเพราะมีกรดซิตริคอยู่
9. มีสารแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
กระเจี๊ยบมีสรรพคุณแก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ดีพิการ แก้ปัสสาวะพิการ แก้คอแห้งกระหายน้ำ แก้ความดันโลหิตสูง กัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลำไส้ บำรุงโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้โรคเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน แก้อาการสมองเสื่อม
คุณค่าทางโภชนาการ
น้ำกระเจี๊ยบแดงมีรสเปรี้ยวนำมาต้มกับน้ำ ดื่มแก้ร้อนในกระหายน้ำ และช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือดได้ นอกจากนี้สีแดงเข้มที่ได้จากสาร Anthocyanin ยังนำไปแต่งสีอาหารตามต้องการได้อีกด้วย
มาดูสรรพคุณของพุทราจีนกันครับ
พุทราเป็นผลไม้ที่มี วิตามิน A และ c ในปริมาณมาก ซึ่งส่งผลต่อการบำรุงสายตาและผิวให้สุขภาพดีไม่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวพรรณและ สายตา ตาไม่ฟาง และไม่บอดกลางคืน
- เปลือกของพุทราเป็นยาแก้อาการท้องเสียอย่างดี ด้วยเพราะสารแทนนินซึ่งออกรสฝาดในเปลือกพุทรานั่นเอง
- เมล็ดพุทราก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เพราะนำมาป่นรักษาอาการชักในเด็กได้อีกทั้งยังลดไข้แก้หวัดในเด็กด้วย
- ใบของพุทราก็มีคุณสมบัติในการลดพิษแมลงสัตว์กัดต่อยและผื่นคันต่างๆ ได้อีกด้วย สรรพคุณมีตั้งแต่รากจรดปลายจริงๆ มีพุทราไว้ในบ้านสักต้นรับรองคุ้มจริงๆครับ
นอกจากนี้พุทราจีนมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงเลือด บำรุงกำลังที่ดี และใช้ผสมกับยาสมุนไพร บำรุงส่วนอื่นๆอีก นอกจากนี้ยังสามารถลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง เสนเลือดเเข็งตัว เส้นเลือดหัวใจตีบตัน และเส้นเลือดในสมองแตก ทั้งยังเป็นยาบำรุงประสาทแก้โรคนอนไม่หลับด้วย
ยาวอีกแล้วครับ นี่ยังไม่อ้างวิจัย นะครับ ถ้าใครอยากอ่านงานงานวิจัย แจ้งให้ทราบนะครับ จะเห็นได้ว่าถ้าเข้าใจทุกตอนอย่างแจ่มแจ้ง และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่เกิน 7 เดือน ยาก็ไม่จำเป็นต่อผู้ป่วยโรคนี้อีกเลยครับและงบประมาณของรัฐก็จะได้ไปทำประโยชน์ที่ทรงคุณค่ากว่านี้ ก่อนลา ก็ขอให้ทุกท่านปลอดโรคโดยแท้จริงครับ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น