หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ต่อมบาร์โธลิน (Bartholin’s gland)

ต่อมบาร์โธลิน (Bartholin’s gland)
เป็นต่อมขนาดเล็ก มี 2 ต่อมซ้ายและขวา อยู่ทางด้านล่างของแคมใหญ่ทั้ง 2 ข้าง ใต้ผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดที่ตำแหน่งประมาณ 4 และ 8 นาฬิกา มีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วขนาด 0.5-1.5 ซม.มีท่อยาว 1.5-2 ซม. ซึ่งมาเปิดที่ในช่องคลอดส่วนอยู่ใกล้ปากช่องคลอดและทำหน้าที่ผลิตเมือกในสตรี เมือกจะถูกผลิตออกมามากขึ้นเมื่อมีการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อช่วยหล่อลื่น

ในภาวะปกติ ต่อมบาร์โธลินจะคลำไม่พบ หากท่อไม่ตัน เมือกที่สร้างออกมาจะถูกส่งออกมาตามท่อแต่หากท่ออุดตันจะทำให้เมือกไม่สามารถขับออกมาสู่ภายนอกได้ จะทำให้เกิดปัญหา/โรคต่างๆตามมาได้อีกมากมาย และสาเหตุของการอุดตันส่วนใหญ่มาจากการอักเสบจากการบริโภคอาหารที่ก่อการอักเสบ การนุ่งกางเกงในที่กระชับจนเกินไป การนุ่งกางเกงในขณะนอน การนั่งไขว่ห้างจนเป็นนิสัย การปล่อยให้ช่องคลอดแห้งขณะมีเพศสัมพันธ์ เกิดจาก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มักเกิดการอักเสบติดเชื้อจากแบคทีเรีย พวก Neisseria gonorrhoeae (โรคหนองใน) หรือ Chlamy dia trachomatis (เช่น โรคหนองในเทียม) จึงเป็นสาเหตุทำให้ท่อของต่อมบาร์โธลินอุดตันได้ นอกจากนั้นการอักเสบจากเชื้อ อี โคไล (Escherichai coli, E. coli) ก็ทำให้เกิดภาวะนี้ได้เช่น กันและการเกิดถุงน้ำมักเป็นทีละข้าง
-สามารถนั่งแช่น้ำอุ่นผสมเบคกิ้งโซดาในอัตราส่วน 10 ต่อ 1 วันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15-20 นาที 2-3 วัน หากก้อนยุบไป ก็ไม่มีปัญหา
-รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
-เลิกรับประทานอาหารที่ก่อการอักเสบ..หวานทุกรูปแบบ นม ผลไม้หวาน น้ำมันที่มีโอเมก้า 6 สูง
-รับประทานอาหารที่ต้านการอักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระ (อ่านในโพสต์ที่ผ่านมา)
การเป็นหนองที่ต่อมบาร์โธลินจะเจ็บปวด ทรมานมาก เดินนั่งลำบาก รบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวันและ อาจทำให้มีไข้สูง หนาวสั่น ผู้ป่วยมักทนอาการปวดไม่ไหว ต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการระบายหนองออก
หากเกิดในสตรีที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำอาจสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแลเลือดได้ หรือในบางครั้งแม้สามารถรักษาการติดเชื้อได้แต่ยังคงมีของเหลวคั่งอยู่ ก็จะมีลักษณะเป็นถุงน้ำที่ต่อมบาร์โธลินเหมือนเดิมเพียงแต่ไม่มีอาการเจ็บปวด
หากไม่รักษาโรค/ภาวะต่อมบาร์โธลินเป็นหนอง ก้อนหนองอาจแตกเองได้ หรือทำให้มีไข้สูง หนาวสั่น เจ็บปวด สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ในกรณีที่ก้อนหนองไม่ใหญ่มาก การใช้ยาปฏิชีวนะรับประทาน เชื้อโรคอาจถูกทำลายไปได้แต่หนองอาจกลายเป็นของเหลวแล้วค้างอยู่ในต่อมฯเหมือนเดิม จะคลำได้เป็นถุงน้ำดังเดิมดังนั้นการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวเพื่อการเก็บกินหนองจึงมีความจำเป็น เม็ดเลือดขาวสามารถสร้างได้โดยร่างกายและจะมีคุณภาพสูงเมื่อไม่รับประทานอาหารที่ไปทำลายประสิทธิภาพของพวกเขา ( หวาน นม เห็ด ผลไม้หวาน ขนมปัง ยิสต์และ กลูแตน)
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ขอบคุณ ข้อมูลบางส่วนจาก http://haamor.com/…/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%82%E…/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น