ตากระตุก
ตากระตุกตาเขม่น ตากระตุกพร้อมกับกล้ามเนื้อแก้มและเปลือกตากระตุกเป็นอาการที่พบบ่อยในคนจำนวนมาก มันหมายความว่าอย่างไรเมื่อมีอาการเหล่านี้..นั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์นาน ๆ แล้วเกิดการระคายเคืองตาและมีอาการกระตุกอย่างต่อเนื่อง..อย่างนั้นหรือ
ตากระตุกตาคืออะไรกันแน่!!!
ทางการแพทย์สำหรับตากระตุกคือ Blepharospasm หรือเมื่อเป็นเรื้อรังก็จะเรียกว่า benign essential blepharospasm ตากระตุกมักจะมีผลมาจากกล้ามเนื้อตาและคุณอาจพบว่าตาอาจกระตุกอย่างฉับพลันทุกไม่กี่วินาที และมันมักจะกินเวลาประมาณ 1-2 นาที
ตากระตุกตาไม่เป็นอันตรายและไม่เจ็บปวดยกเว้นความจริงที่ว่าคุณอาจจะรำคาญและเสียบุคลิก
มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดตากระตุกกันดีกว่า
ภาวะตาล้า (Eyestrain):
เป็นเหตุผลที่พบบ่อยสำหรับตากระตุกของคุณ มันจะส่งผลเมื่อดวงตาของคุณเหนื่อยล้าจากการใช้มากเกินไปรวมทั้งจากการจ้องมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ดิจิตอลของคุณเป็นเวลานาน
หากเป็นจากกรณีนี้ แนะนำให้งุ้มมือปิดตาทั้งสองข้างโดยไม่ให้มีแสงเข้าได้แล้วลืมตาในความมืด จากนั้นกลอกตาไปมาราว 3 นาทีจึงหลับตาแล้วเอามือออก ค่อย ๆ ลืมตาในแสงสว่าง ก็จะแก้อาการได้ระดับหนึ่ง
ความเครียดและความเมื่อยล้า :
มีอาการจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและที่พบมากที่สุดคือการมีพลังงานต่ำ ปวดหัว ปัญหาทางเดินอาหารและขาดการนอนหลับที่ดี สิ่งเหล่านี้ก็ก่ออาการตากระตุกและมีการเชื่อมโยงกับปัญหาการมองเห็น
หากเป็นจากกรณีนี้ก็ควรหาวิธีลดความเครียดและปรับปรุงการนอนหลับ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน:
ในคนที่มีอาการตากระตุกบ่อย ๆ ยิ่งบริโภคเครื่องดื่มประเภทนี้ก็ยิ่งกระตุกหนักขึ้นเหตุเพราะ ร่างกายต้องใช้แคลเซียมในการขับคาเฟอีนและปรับสภาพความเป็นกรดจนทำให้สมดุลแร่ธาตุในกล้ามเนื้อเปลี่ยนไป
หากเป็นจากกรณีนี้ ลองหยุดการบริโภคสิ่งเหล่านี้สักระยะ คุณก็จะได้พบกับความแตกต่าง
ตาแห้ง :
ผู้สูงอายุมักประสบปัญหาตาแห้ง สาเหตุของการเกิดตาแห้งรวมถึงการบริโภคคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การใช้คอมพิวเตอร์ สวมใส่คอนแทคเลนส์ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความเครียดและการใช้ยาบางอย่างเช่นยาแก้ซึมเศร้าหรือยาลดการระคายเคือง ซึ่งอาจนำไปสู่อาการตากระตุกได้เช่นกัน
ถ้าเกิดจากกรณีให้ ฟักทองครับ จะต้ม นึ่ง ผัด แกง ว่าไปครับ ให้บ่อย ๆ
การขาดสารอาหาร :
แน่นอนที่สุดกล้ามเนื้อตากระตุกโดยมากเกิดจากการขาดสารอาหารบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นสารอิเล็กโทรไลท์ซึ่งก็คือแร่ธาตที่มีประจุไฟฟ้าและรับผิดชอบสำหรับการควบคุมกล้ามเนื้อตา
ความไม่สมดุลของสารอิเล็กโทรไลท์สามารถนำไปสู่การหดเกร็งของกล้ามเนื้อและก่อการกระตุกซึ่งยังสามารถเป็นผลมาจากการขาดน้ำ สารอิเล็กโทรไลท์ที่สามารถนำไปสู่การกระตุกของตา ได้แก่ แมกนีเซียมแคลเซียม โพแทสเซียมและโซเดียม การขาดสารอาหารอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับตากระตุกได้แก่ วิตามินบี 12 และวิตามินดี
โรคภูมิแพ้ :
คนที่มีอาการภูมิแพ้ที่ตาก็มีความเสี่ยงของตากระตุก
ฮีสตามีนจะถูกปล่อยออกสู่เนื้อเยื่อเปลือกตาเมื่อดวงตาโดนขยี้
ถ้าเกิดจากกรณีนี้ ลองเพิ่มวิตามิน C ในชีวิตประจำวัน ดูนะครับ
การได้รับยาจากคำสั่งแพทย์ :
ตากระตุกอาจจะเป็นผลข้างเคียงของยาบางชนิดเช่นยาขับปัสสาวะ ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่คุมระดับแคลเซียม
ยาแก้คัดจูมกที่มีส่วนผสมของ epinephrine ยารักษาโรคจิตหลายชนิด
ถ้าเกิดจากกรณีนี้ ก็ให้รักษาโรคที่เป็นต้นเหตุให้หายเสียก่อนนะครับ
โรคพาร์กินสัน :
ตากระตุกเป็นเรื่องธรรมดาในโรคพาร์กินสันและมันสามารถเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคนี้ในตอนแรกเริ่ม
ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Neurology in 2012, 112 มีผู้ป่วย 112 คนกับโรคพาร์กินสัน (PD) ประสบปัญหาตากระตุก
ถ้าไม่อยากมีทั้งพาร์กินสันและตากระตุกจากกรณีนี้ ให้...หยุดบริโภคสารปรุงแต่งรสชาติทุกชนิดนะครับ
โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis) : เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลางที่รู้จักกันดีว่ามีอาการเช่นความรู้สึกเสียวซ่าและกล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็สามารถนำไปสู่ปัญหาการเคลื่อนไหวเหมือนตากระตุกได้เช่นกัน
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง Dystonia:
เป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อกระตุกโดยไม่สมัครใจรวมทั้งตากระตุกตา
และจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากสภาวะความเป็นกรดของร่างกายไม่ว่าจะฮอร์โมนแห่งความเครียด การฝังตัวของกรดแลคติกจากการใช้กล้ามเนื้อและดวงตา ส่วนใหญ่พบมากในคนที่มักบริโภคน้ำตาล ผลไม้รสหวานในปริมาณที่เกินขนาดเพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ร่างกายเป็นกรด
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น