หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เซลล์ไขมันที่แพทย์ไม่เคยบอกคุณ

คุณหรือใครบางคนที่คุณรู้จักกำลังมีปัญหากับความอ้วนอยู่หรือไม่
ไม่ต้องสงสัย..แพทย์ของคุณจะแนะนำให้คุณรับประทานอาหารให้น้อยลงหรือหยุดรับประทานในบางมื้อและให้ออกกำลังกายให้มากขึ้น...มันเป็นจริงตามนั้นหรือไม่!! ..ลองอ่านบทความนี้ให้จบ..บางทีคุณอาจจะมองเห็นลำแสงเล็ก ๆ ที่ปลายอุโมงค์.. !! คุณกำลังขาดแร่ธาตุและมีแคลเซียมในร่างกายเกินขนาดซึ่งได้รับมาจากอาหารและนมที่กำลังส่งเสริมให้บริโภคกันอยู่หรือไม่ !! …จินตนาการ !!..... เมื่อคุณขาดสมดุลแร่ธาตุ คุณจะถูกขับเคลื่อนโดยเซลล์ของคุณให้กินอาหารเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ธาตุที่พวกเขาต้องการซึ่งมีความจำเป็นในการดำเนินกิจกรรมแห่งการคงอยู่ของร่างกาย..แต่น่าเสียดายที่อาหารในปัจจุบันกลับมีแร่ธาตุที่ไม่เพียงพอจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป ผักที่ปลูกในพื้นที่ซ้ำ ๆ จนแทบจะไม่เหลือแร่ธาตุ ดังนั้นคุณจึงกินมากขึ้นจนสะกดคำว่า”อิ่ม” แทบจะไม่เป็น..อีกครั้ง !! โปรดอย่าลืมว่า...แคลเซียมที่มากจนเกินไปจะทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารช้าลงและกดการทำงานของต่อมหมวกไตจนนำไปสู่ปัญหาการต้านฮอร์โมนไทรอยด์ อ่าน ลิงค์นี้ซ้ำอีกครั้งก่อนที่จะอ่านย่อหน้าต่อไป
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=853434271478263&set=a.331355487019480.1073741828.100004350947568&type=3&theater !! ความอยากอาหาร -เมื่อคุณอยากกินอะไรหวาน ๆ – นั่นอาจจะหมายถึงร่างกายของคุณต้านอินซูลินและอาจเข้าสู่ภาวะ Metabolic Syndrome (โรคอ้วนลงพุง) ซึ่งบ่งบอกว่าคุณมีระดับอินซูลิน ความดันโลหิต คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ที่สูงขึ้น -น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เกิดจาการต้านอินซูลินเสียเป็นส่วนใหญ่และเมื่อกระบวนการเผาผลาญกลูโคสของคุณบกพร่องคุณอาจต้องกินอะไรที่หวานมาก ๆ เข้าไปเพื่อให้ร่างกายกระหน่ำปล่อยอินซูลินออกมา -เมื่อคุณอยากกินอะไรเค็ม ๆ -มันอาจเชื่อมโยงกับการต้านอินซูลินแต่ความอยากนี้มักเกิดพร้อมกับการอยากกินอะไรที่มัน ๆ ซึ่งเกิดจากการขาดแร่ธาตุเนื่องจากแร่ธาตุส่วนใหญ่มักอยู่ในอาหารรสเค็มนั่นรวมถึง..โซเดียม ..... Pica Diseases : โรคชอบทานของแปลก คือพฤติกรรมหรือโรคที่ผู้ป่วยซึ่งมีความผิดปกติทางการรับประทานอาหารซึ่งสิ่งที่รับประทานนั้นไม่ใช่อาหาร สิ่งที่ผู้ป่วยโรคปิก้ากินเข้าไปมีมากมายนับตั้งแต่ เส้นผม ดิน โคลน สี แมลง ปูน ชอล์ค สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาชักเงา ตะปู เหรียญ ผงซักฟอก บุหรี่ ก้นบุหรี่ ขี้เถ้า กาว กระดาษ ทราย รากไม้ โลหะ ไปจนกระทั่งเถ้ากระดูกของคนรักที่จากไปและอุจจาระหรือปัสสาวะของตนเองหรือแม่แต่ของผู้อื่น เหล่านี้คือความพยายามของร่างกายในการค้นหาแร่ธาตุที่ขาดหายไปและโดยทั่วไปมักเกิดในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ !! คุณอาจไม่ทราบว่า..ร้อยละ 68 ของหญิงตั้งครรภ์สามารถพัฒนาไปสู่โรคปิก้าได้ถ้ามีแร่ธาตุในร่างกายไม่เพียงพอดังนั้นเกลือทะเลหรือเกลือภูเขาหิมาลัยจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ของการรักษาโรคปิก้า – ทางการแพทย์มักให้ผู้ป่วยได้รับธาตุเหล็กเพื่อแก้ปัญหาแต่เหล็กไม่ได้เป็นเพียงแร่ธาตุเดียวที่ร่างกายขาดและโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบว่าผู้ป่วยขาดธาตุเหล็กจริงก็มักจะขาดไวตามินซีร่วมเนื่องจากร่างกายไม่สามารถดูดซับธาตุเหล็กได้ถ้ามีไวตามินซีไม่เพียงพอ สิ่งที่ผมพยายามจะบอกคุณก็คือว่า..ถ้าคุณตั้งใจจะลดน้ำหนักโดยการกินอาหารให้น้อยลงและออกกำลังกายอย่างหนักมันอาจจะไม่ส่งผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้แต่อาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแร่ธาตุซึ่งนำไปสู่โรคที่อาจค้นหาสาเหตุไม่ได้อีกนานับปการ !!ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียวในการทำให้มีน้ำหนักตัวมากเกินไป จากประสบการณ์ของผม ร้อยละ 95 ของผู้มีน้ำหนักเกินมีสาเหตุมาจากการมีแคลเซียมที่มากจนเกินไปร่วมกับการต้านฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งก่อให้การการเผาผลาญบกพร่อง !!! อ้วนง่าย อ้วนเอ๊าอ้วนเอา เคยผอมแล้วกลับมาอ้วน..... กระบวนการในการพัฒนาของสิ่งนี้ 1.ความไม่สมดุลของแร่ธาตุ ในขณะที่ร่างกายต้องการสารอาหาร (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แร่ธาตุ) และกรดอะมิโนจำเป็นเริ่มหมดลงแต่แคลเซียมยังคงเกินขนาดในทุกเซลล์ของร่างกาย !! ดังนั้น... 2.ร่างกายเริ่มปรับเปลี่ยนกระบวนการเผาผลาญและกระบวนการทางชีวะเคมีและที่น่าเศร้าก็คือสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถตรวจพบได้จากการตรวจเลือดตามปกติ !! ต่อมา... คุณเริ่มพัฒนาไปสู่การต้านฮอร์โมนไทรอยด์และมีอัตราส่วนระหว่างแคลเซียมต่อโพแทสเซียมที่ไม่สมดุล มีกระบวนการเผาผลาญที่ช้าลงและต่อมหมวกไตถูกกดการทำงานเนื่องจากร่างกายพยายามกักเก็บแมกนีเซียมเพื่อรักษาสมดุลแร่ธาตุเพื่อให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาททำงานได้ตามปกติ การดูดซึมของสารอาหารเริ่มลดลงจากกายย่อยที่ขาดประสิทธิภาพและกระบวนการเผาผลาญที่ไม่ดีในขณะที่โซเดียมและโพแทสเซียมยังคงถูกปล่อยออกจากเซลล์ไปยังปัสสาวะ คุณสูญเสียความสามารถในการสร้างกรดในกระเพาะอาหารซึ่งนำไปสู่การย่อยโปรตีนที่ไม่ดีและการถ่ายโอนอิเลคตรอนระหว่างเซลล์บกพร่องจากอัตราส่วนของโซเดียมต่อโพแทสเซียมซึ่งส่งผลต่อความสามารถที่ลดลงในการได้รับกรดอะมิโนและกลูโคสของเซลล์...ยกเว้นไว้ซึ่งเซลล์ไขมันซึ่งถูกกระตุ้นโดยการเพิ่มขึ้นของระดับอินซูลินที่ส่งผลต่อการดูดซับกลูโคสที่มากขึ้นและเซลล์ไขมันเหล่านี้เป็นอิสระต่ออัตราส่วนของ โซเดียม/โพแทสเซียม ในการดูดซับกลูโคสดังนั้นเซลล์ไขมันเหล่านี้จึงดูดซับกลูโคสอย่างต่อเนื่องและมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตลอดเวลา เนื่องจากความไวต่ออินซูลินลดลงหรือการต้านต่ออินซูลินเริ่มมากขึ้น ความต้องการอินซูลินของร่างกายจึงเพิ่มขึ้นและด้วยปริมาณอินซูลินที่เพิ่มขึ้นนี้ การเติบโตของเซลล์ไขมันจึงเพิ่มตามไปด้วย .....และ.... 3. เมื่อไม่ได้รับการชดเชยในส่วนที่ขาด ระดับไตรกลีเซอไรด์จะค่อย ๆ สูงขึ้นไปที่ระดับ 100 กว่า ค่าน้ำตาลในเลือดจะค่อยๆ สูงขึ้นไปที่ระดับ 91-124 และอัตราส่วนระหว่าง กลูโคส/อินซูลิน จะต่ำลง (ช่วง 7-13)ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต้านอินซูลิน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มันเล็กน้อยจนยากจะสังเกตพบได้จากผู้ที่มีประสบการณ์น้อยและมันยังไม่วิกฤต ณ เวลานี้ ดังนั้นกระบวนการนี้จึงดำเนินต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม..ร่างกายของคุณยังคงสร้างเซลล์ไขมันได้อย่างง่ายดาย น้ำหนักของคุณขึ้นพรวดพราดและลดน้ำหนักได้ยากยิ่งขึ้นเนื่องจากสาเหตุที่ทุกคนมักมองข้ามซึ่งก็คือการขาดแร่ธาตุและความไม่สมดุลของมัน ในขณะที่การต้านฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต (- กลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid) -มิเรอลาโรคลอติคอยด์ (mineralocorticoid) -ฮอร์โมนเพศ (sex hormone)ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสเตอรอยด์และสังเคราะห์ได้จากคอเลสเตอรอล) ค่อย ๆ ทำให้การเผาผลาญของคุณช้าลงและคงไว้ซึ่งการต้านอินซูลินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง !! คุณและแพทย์ของคุณไม่ทราบวิธีแก้ไขมัน..คุณเลยกินแต่น้อย ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างหนักแต่กระบวนการเผาผลาญของคุณช้ายิ่งกว่าเดิม..ในช่วงเวลาสั้นๆ คุณอาจจะสูญเสียน้ำหนักเพียงเล็กน้อยแต่อีกไม่นานความหิวโหยจากการขาดสารอาหารและแร่ธาตุของเซลล์จะสั่งให้คุณกระหน่ำอาหารที่พวกเขารู้สึกขาดอีกครั้งจนคุณกลับมามีน้ำหนักมากกว่าเดิม—สิ่งนี้พบเห็นได้บ่อยจากโปรแกรมลดน้ำหนักและการควบคุมอาหาร !! ในที่สุด.. โรคก็ปรากฏ..ไม่ว่าจะเป็น เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท(เคมีในสมอง)จำพวก ซึมเศร้า วิตกกังวลหรือไมเกรน ............................................................................ ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยการปรับทุกอย่างให้เข้าสมดุล....แต่ถ้าได้รับการรักษาผิดทางจนเกินระยะเวลา 2 ปีหรือมากกว่า ............................................................................ !!! การแก้ไขจะกระทำได้ยากยิ่งและใช้เวลาในการรักษายาวนานขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง สวัสดี ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น