หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สามสุดยอดอาหารที่ธรรมชาติ

สามสุดยอดอาหารที่ธรรมชาติได้มอบไว้แก่ทุกชีวิต : ขิง ขมิ้นและแครอท
หนึ่งในผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุดที่พวกเขามีร่วมกัน :
สารต้านอนุมูลอิสระต่อสู้โรค คนที่กินขิง ขมิ้นและแครอท - โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งหมดในจานเดียวกัน – ไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็งและโรคเบาหวาน แต่ยังมีอีกมากมายก่ายกองรวมไปถึงลดภาวะร่างกายอ่อนแอจากโรค ลดอาการปวดและการอักเสบ
มันไม่น่าแปลกใจที่จะรู้ว่าทั้งขิงและขมิ้นอยู่ในครอบครัวพฤกษศาสตร์เดียวกัน- Zingiberacea ทั้งสองได้ถูกนำมาใช้ในการประกอบอาหารและได้รับการยกย่องว่าเป็นยารักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับโรคภัยไข้เจ็บมานานหลายพันปีและยังสามารถนำทั้งสองมาทำชาขมิ้น-ขิง (ขูดหรือสับอย่างละ1 ช้อนชาใส่ในถ้วยน้ำร้อนจัด) กินไปพร้อมกับแครอทนึ่งพอกรอบ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=671293106359048&id=100004350947568
!! โปรดทราบว่าผลประโยชน์ของอาหารเหล่านี้ต้องมาในรูปแบบอาหารด้วยตัวของมันเอง – ไม่ใช่รูปแบบอาหารเสริมหรือยา
มีบางกรณีที่ไม่ควรกินขมิ้น - ไม่แนะนำถ้าคุณมีการอุดตันในทางเดินท่อน้ำดีมี (มันช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี) โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคดีซ่านหรืออาการจุกเสียดจากทางเดินน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน
ในความเป็นจริงสาร Curcumin นี้มีการคาดการณ์ว่าจะมีประมาณ 150 ผลประโยชน์ในการรักษาที่แตกต่างกันรวมทั้งส่งเสริมภูมิคุ้มกันของคุณ ปกป้องหัวใจและดูแลผลกระทบจากโรคภูมิคุ้มกัน และนี่คืออีกไม่กี่ผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับเมื่อคุณกินขมิ้นเข้าไปในร่างกาย
•โรคอัลไซเมอร์ : การวิจัยบ่งชี้ว่าขมิ้นอาจย้อนกลับการลดลงทางปัญญาและโรคสมองเสื่อม (Dementia) (1) การศึกษาหนึ่งในผู้ป่วยอัลไซเมอร์สามคนที่กินแคปซูลผงขมิ้นเป็นเวลา 12 สัปดาห์ปรับตัวดีขึ้นอย่างน่าทึ่ง
นักวิจัยกล่าวว่า "ทั้งอาการของผู้ป่วยและภาระในการดูแลผู้ป่วยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ" (2)
•สุขภาพของหัวใจ: สามการศึกษาในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นระบุว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารขมิ้นชันเป็นประจำทุกวันสามารถปรับปรุงปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดในระดับเดียวกับการออกกำลังกายแอโรบิกในระดับปานกลาง
"ผลการศึกษาของเราชี้ให้เห็นว่าการกินขมิ้นชันและการออกกำลังกายสามารถเพิ่มการไหลของสารต่าง ๆ ในสตรีวัยหมดประจำเดือนและสามารถปรับปรุงความเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหลอดเลือด"(3)
•อาการปวดข้อ: ช่วยในการบรรเทาอาการตึงที่เกิดจากโรคข้ออักเสบเป็นหนึ่งในผลประโยชน์หลักของเครื่องเทศนี้
•โรคเอดส์: การศึกษาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่นของขมิ้นที่มีในผู้ป่วยเอดส์เนื่องจากขมิ้นเป็นทั้งสารต้านอนุมูลอิสระและต้านจุลชีพ
วิจัยชี้ให้เห็นว่ามันอาจจะช่วยรักษาแผลที่ผิวหนัง ยับยั้งเอนไซม์และโปรตีนที่ก่อการติดเชื้อและลดเซลล์ที่ติดเชื้อรวมทั้งยับยั้งการเพิ่มแบบทวีคูณของ T-เซลล์ที่ติดเชื้อ โดยไม่มีผลข้างเคียง(4)
•โรคลมชัก: นักวิทยาศาสตร์พบว่าขมิ้นชันดีต่อเซลล์ประสาทในโรคลมชักและ ความผิดปกติที่เกี่ยวข้อง (5)
หนึ่งในข้อเสียของขมิ้นก็คือว่า ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็วซึ่งหมายความว่าเมื่อกินเข้าไป ร่างกายไม่สามารถที่จะดูดซับได้อย่างรวดเร็วเพื่อเข้าถึงสิทธิประโยชน์ แต่การศึกษาที่น่าสนใจแสดงให้เห็นการเข้าถึงที่เพิ่มขึ้นเมื่อคุณเพิ่ม 1 ช้อนชาของไขมันเช่นน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันเมล็ดเฟล็กซ์
ผลประโยชน์มากมายของ...ขิง
ขิง (Zingiber officinale)
สารประกอบที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดในขิงคือ gingerol : น้ำมันที่มีกลิ่นหอม บทความหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าจากการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า : " ... สารสกัดจากขิงอาจจะเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพมากกว่ายาเคมีบำบัด มันฆ่าเซลล์มะเร็งในขณะที่คงไว้ซึ่งเซลล์สุขภาพดี คุณสมบัติต้านการอักเสบของมันยังอาจช่วยป้องกันการลุกลามของเซลล์มะเร็ง" (6)
และนี่ก็เป็นข้อได้เปรียบอีกไม่กี่ข้อ :
•การอักเสบ: แม้กระทั่งความเจ็บปวดจากชนิดของโรคข้ออักเสบก็จะลดลงโดยการบริโภคขิงโดยการดื่มชาขิงหรือโรยเพิ่มในอาหาร
ผู้เข้าร่วมในการศึกษาจำนวนมากรายงานว่ามีการลดอาการปวดกล้ามเนื้อ มีความคล่องตัวและการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้นรวมทั้งการลดลงของอาการบวมเช่นอาการปวดเข่าเมื่อใบริโภคขิงเป็นประจำ (7)
•คลื่นไส้: นอกจากการช่วยย่อยอาหารและการผ่อนคลายปัญหาท้องจุกเสียดที่รู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว..ขิงยังสามารถในการบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ดีอีกด้วยซึ่งรวมถึงอาการแพ้ท้องและความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว(เมารถ เมาเรือ)และแม้กระทั่งการใช้ที่ประสบความสำเร็จสำหรับผู้ป่วยหลังการผ่าตัดหรือได้รับเคมีบำบัด The George Mateljan Foundation รายงานว่า :
"ในบรรดายาสมุนไพร ขิงได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมเกี่ยวกับการขับลม (สารที่ส่งเสริมการกำจัดก๊าซในลำไส้) และลำไส้เกร็ง (สารที่ผ่อนคลายและบรรเทาลำไส้) ...เงื่อนงำที่ไปสู่ความสำเร็จของขิงในการกำจัดความทุกข์ในระบบทางเดินอาหาร
ถูกนำเสนอโดยการศึกษาแบบ double-blind ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่าขิงมีประสิทธิภาพมากในการป้องกันอาการของการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการเมาเรือ ในความเป็นจริง..ในการศึกษาหนึ่งขิงได้รับการแสดงให้เห็นไกลกว่านั้นอย่างน่าอัศจรรย์.. "(8)
•โรคเบาหวาน: นักวิจัยได้ดำเนินการศึกษาเพื่อศึกษาผลของขิงเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดจาก 41 ผู้เข้าร่วม ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าเพียง 2 กรัมของขิงลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยลง 12 เปอร์เซ็นต์(9)
•หน่วยความจำ: ขิงได้รับการแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงหน่วยความจำ ในการศึกษาจากผู้หญิงจำนวน 60 คนที่มีสุขภาพดีวัยกลางคนเป็นระยะเวลากว่าสองเดือน หลังจากทำการประเมินผลหน่วยความจำและการทำงานทางปัญญาของพวกเขานักวิจัยสรุปได้ว่าสารสกัดจากขิง "ช่วยเพิ่มทั้งความสนใจและความสามารถในการประมวลผลองค์ความรู้ที่ไม่มีผลข้างเคียง(10)
!! ความสามารถของแครอท
จากตระกูล Umbelliferae - แครอทกลายเป็นอาหารที่แสนอร่อยเช่นเดียวกับประโยชน์มากมาย ผมแนะนำให้รับประทานแครอทในปริมาณที่พอเหมาะเพราะพวกเขามีน้ำตาลมากกว่าผักอื่น ๆ นอกเหนือจากหัวบีทรู๊ท
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อรับประทานเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเพื่อสุขภาพสารอาหารโดยรวมของแครอทอาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เบต้าแคโรทีน – สารอาหารที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขาไม่ได้ถูกผลิตในร่างกายของคุณ ดังนี้คุณจะต้องใส่ลงในอาหารของคุณ บทความหนึ่งกล่าวเสริมว่า :
" ... เบต้าแคโรทีนรักษาการมองเห็นที่ดี ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิว ช่วยให้เยื่อบุจมูกและระบบทางเดินหายใจของคุณมีสุขภาพดีและช่วยควบคุมการผลิตโปรตีน ทุกชนิดของ carotenoids รวมทั้งเบต้าแคโรทีนมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ "(11)
สารพฤกษเคมีเช่น ลูทีนและ anthocyanins เข้าร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุสำหรับการส่งเสริมสุขภาพ วิตามิน A , B6, C และ K เป็นบางส่วนที่เป็นประโยชน์มากที่สุดและอีกหลาย การวิจัยพบว่า.. carotenoids ที่คุณกินจะต่อช่วงชีวิตของคุณ! นี่คือบางส่วนของประโยชน์ต่อสุขภาพจากแครอทที่มอบแก่ชีวิตคุณ :
•สารต้านอนุมูลอิสระตามที่ George Mateljan Foundation กล่าวไว้:
"ชนิดที่แตกต่างของสารต้านอนุมูลอิสระในแครอทมีแนวโน้มที่จะทำงานร่วมกันและมีประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือดที่เราไม่สามารถได้รับจากส่วนใดเดี่ยว ๆ จากสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ได้ สารต้านอนุมูลอิสระในแครอทเป็นเอกลักษณ์ของการเป็นแหล่งที่มาของการบำรุงร่างกายที่ดี "(12)
•โรคหัวใจ: การศึกษาที่ยาวนานถึง 10 ปีจากเนเธอร์แลนด์แสดงให้เห็นว่าแครอทสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ การวิจัยมุ่งเน้นไปที่สีของอาหาร : สีเขียว สีม่วงแดง สีขาวและสีเหลืองส้ม และพบว่าสีเหลืองส้ม มีประโยชน์มากที่สุดต่อการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ; ผู้ป่วยที่กินแครอทมากขึ้นมีการลดลงในโรคหัวใจถึงร้อยละ 32 (13)
•โรคมะเร็ง : สารพฤกษเคมีในแครอทเช่น falcarinol และ falcarindiol ได้รับการแสดงให้เห็นว่าป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบอาจจะเกิดจากการไม่จับกันเป็นก้อนของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่จะลดความเสี่ยงของการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบไปสู่มะเร็ง
•การย่อยอาหาร: Pharma News กล่าวว่า "การบริโภคแครอทอย่างเป็นกิจวัตรช่วยในการป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและโรคทางเดินอาหาร" (15)
•สายตา: เบต้าแคโรทีนแปลงไปเป็นวิตามินเอซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการมองเห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณขาดวิตามินเอ ; การกินแครอทช่วยป้องกันการขาดนี้ (16) งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าเบต้าแคโรทีนช่วยป้องกันต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม (17)
!! อาหารชั้นดี...คือนักฆ่ามะเร็ง
และนี่คือสามข้อความที่ตัดตอนมาจากการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสามสุดยอดอาหารมีประสิทธิภาพทั้งในการรักษาและป้องกันโรคมะเร็ง :
ขิง: "แม้ว่าสรรพคุณทางยาของขิงได้รับทราบกันมาเป็นพัน ๆ ปี แต่ที่ผ่านมารับรู้กันในส่วนของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในร่างกายแต่การศึกษาทางระบาดวิทยาได้เพิ่มเติมหลักฐานมากมายว่าขิงและสารที่มีประสิทธิภาพจะลดโรคมะเร็งทางเดินอาหาร โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อนตับ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งท่อน้ำดี "(18)
ขมิ้น:
"Curcumin เป็นหนึ่งในสารเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็ง กลไกของการกระทำของขมิ้นมีความซับซ้อน เราได้ทำการสังเกตที่ไม่คาดคิดว่า curcumin จะมีคุณสมบัติในการคีเลตเหล็กในเซลล์ "(19)
แครอท:
การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากแครอทสามารถทำให้เกิดกระบวนการตายของเซลล์ (apoptosis) และก่อให้เกิดการหยุดวัฏจักรของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว (20)
!!! และเมื่อมาถึงตอนสุดท้ายของบทความนี้
อาหารจานง่ายๆที่จะได้รับทั้งสามชนิดไปพร้อม ๆ กัน: แครอทหั่นเต๋าสักครึ่งหัว นึ่งพอให้ยังคงมีความกรอบ เติมเนยแท้สัก 2 ช้อนชา ใส่เกลือทะเลเพื่อลิ้มรสและเติมผงขมิ้นครึ่งช้อนชาและขิงขูดครึ่งช้อนชา ..รสชาติไม่ห่วยอย่างที่คิดและดีต่อสุขภาพ
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ขอบคุณ : ทุกท่านที่ถามมาจนต้องมีบทความนี้
อ้างอิง :
Healthy and Natural World May 15, 2014
The Epoch Times April 26, 2016
1 Asia Pac J Clin Nutr. 2014;23(4):581-91.
2 GreenMedInfo June 10, 2013
3 Nutr Res. 2012 Oct;32(10):795-9.
4 Herbal Help for AIDS
5 Indian J Pharm Sci. 2010 Mar-Apr; 72(2): 149–154.
6 The Epoch Times April 26, 2016
7 Arthritis Rheum. 2001 Nov;44(11):2531-8.
8 World’s Healthiest Foods, Ginger
9 Iran J Pharm Res. 2015 Winter; 14(1): 131–140.
10 Evid Based Complement Alternat Med. 2012; 2012: 383062.
11 How Much Beta-Carotene in Carrots?
12 World’s Healthiest Foods, Carrots
13 Natural Society June 4, 2013
14 Natural Society May 16, 2013
15 Pharma News September 8, 2014
16 Mountain Star Heart Center at Mark’s
17 Care 2 October 26, 2011
18 Gastroenterol Res Pract. 2015; 2015: 142979.
19 Free Radic Biol Med. 2006 Apr 1;40(7):1152-60.
20 J Med Food. 2011 Nov;14(11):1303-12.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น