หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยากลุ่ม Statin

หมอของคุณอาจจะรู้หรือไม่รู้ แต่..ที่แน่ ๆ พวกเขาไม่เคยบอกคุณ
ถ้าเพื่อนหรือคนที่คุณรักกินยากลุ่ม statin อยู่และพวกเขาบอกคุณว่าพวกเขามีโรคเบาหวานด้วย
!!! ...ได้โปรดช่วยบอกพวกเขาให้อ่านข้อมูลในบทความนี้ด้วยนะครับ...
ชาวไทยหลายล้านคนกินยาลดคอเลสเตอรอลและส่วนใหญ่เป็นยากลุ่ม statin "ผู้เชี่ยวชาญ" หลายคนอ้างว่ามีอีกหลายร้อยล้านคนทั่วโลกกินมันอยู่ซึ่งผมเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ยากลุ่ม statin เป็น HMG-CoA reductase นั่นคือพวกมันทำหน้าที่โดยการปิดกั้นการทำงานของเอนไซม์ในตับของคุณที่รับผิดชอบในการสร้างคอเลสเตอรอล กลไกการออกฤทธิ์ของ Statins คือยับยั้ง HMG-CoA reductase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เปลี่ยน HMG-CoA (3-hydroxy-3-methylglutaryl-coenzyme A) ไปเป็น Mevalonic acid และ Mevalonic acid และจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไปจนได้ Cholesterol ซึ่งขั้นตอนนี้เป็น rate-limiting enzyme ในกระบวนการสังเคราะห์ endogenous cholesterol โดยเกิดขึ้นที่ตับ เนื่องจาก Cholesterol มีความจำเป็นในการสังเคราะห์กรดน้ำดี ตับจึงเพิ่มการดึง Cholesterol จากกระแสเลือด โดยเพิ่มการสังเคราะห์ LDL receptor บนผิวเซลล์ตับ เลยทำให้ระดับของ LDL-C ภายในกระแสเลือดลงได้
!! ความจริงที่ว่ายา statin ก่อให้เกิดผลข้างเคียงมีมานานมากแล้วและจนถึงขณะนี้ก็นับได้ราว 900 การศึกษาวิจัยเพื่อพิสูจน์ผลกระทบของพวกมันซึ่งร้อยเรียงราวกับเสียงดนตรีจากปัญหาของกล้ามเนื้อไปจนถึงเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
รายงานผลข้างเคียงรวมถึง:
ปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง เส้นประสาทในมือและเท้าเกิดความเสียหาย (Polyneuropathy) และเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อเสื่อมสภาพอย่างรุนแรง (rhabdomyolysis) โรคโลหิตจาง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ภาวะกดภูมิคุ้มกัน
ต้อกระจก ตับอ่อนหรือตับทำงานผิดปกติ รวมทั้งการเพิ่มเอนไซม์ในตับและการสูญเสียความทรงจำ
ปัญหากล้ามเนื้อเป็นที่รู้จักกันดีในยากลุ่ม statin ถึงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ แต่นอกจากนี้ปัญหาทางปัญญาและการสูญเสียความจำก็ยังมีรายงานออกมาอย่างกว้างขวาง ปัญหาอื่น ๆ ที่ยาวเหยียดเริ่มตั้งแต่ระดับน้ำตาลในเลือดที่จะเป็นปัญหานอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่ายากลุ่ม statin อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคเซลล์ประสาทนำคำสั่งเสื่อม (Lou Gehrig's disease) โรคเบาหวานและโรคมะเร็ง
ยา statin: สาเหตุที่น่าแปลกใจในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
Statins ได้รับการแสดงให้เห็นว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานผ่านกลไกที่แตกต่างกัน กลไกหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกมันเพิ่มความต้านทานต่ออินซูลินซึ่งอาจเป็นอันตรายเป็นอย่างมากต่อสุขภาพของคุณ ความต้านทานต่ออินซูลินที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในร่างกายของคุณและการอักเสบคือจุดเด่นของโรคอีกมากมายในท้ายที่สุด
ในความเป็นจริงความต้านทานต่ออินซูลินที่เพิ่มขึ้นสามารถนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจซึ่งเป็นเหตุผลหลัก นอกจากนี้ยังสามารถส่งเสริมไขมันหน้าท้อง ความดันโลหิตสูง ความเมื่อยล้าเรื้อรัง ต่อมไทรอยด์หยุดชะงักการทำหน้าที่ โรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์และมะเร็ง
ประการที่สอง: ยากลุ่ม statin เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานของคุณโดยการเพิ่มน้ำตาลในเลือดของคุณ เมื่อคุณกินอาหารที่มีแป้งและน้ำตาล บางส่วนของน้ำตาลส่วนเกินจะไปที่ตับของคุณซึ่งจะถูกจัดเก็บในรูปคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ Statins ทำงานโดยการป้องกันไม่ให้ตับของคุณสร้างคอเลสเตอรอล เป็นผลให้ตับของคุณจำเป็นต้องส่งน้ำตาลกลับเข้าไปในกระแสเลือดของคุณซึ่งท้ายที่สุดก็จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ….นึกภาพออกไหมครับ
ถ้าคุณกินยากลุ่ม statin อยู่และพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของคุณสูงขึ้นนั่นเป็นไปได้ว่าคุณกำลังจะเป็น hyperglycemia (ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง)-ผลข้างเคียงและผลของการรักษาด้วยยาของคุณ
!! แต่น่าเสียดายที่แพทย์จำนวนมากมักจะวินิจฉัยผิดพลาดโดยโยนคำว่า "โรคเบาหวานประเภท 2" ให้คุณในทันทีและอาจเพิ่มยาอีกชนิดให้แก่คุณ!!!
สิ่งจำเป็นที่คุณต้องทำก็คือยุติการกินยา statin เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติ... ดังนั้นถ้าเพื่อนหรือคนที่คุณรักกินยากลุ่ม statin อยู่และพวกเขาบอกคุณว่าพวกเขามีโรคเบาหวานด้วย
!!! ...ได้โปรดช่วยบอกพวกเขาให้อ่านข้อมูลในบทความนี้ด้วยนะครับ...
พบว่า การศึกษาวิจัยหลัก ๆ ของยากลุ่ม Statin มีข้อบกพร่อง
การศึกษาที่รู้จักกันดีที่เปิดตัวในครั้งแรกชื่อว่า JUPITER แสดงให้เห็นว่า ..ยา statin อาจป้องกันการตายที่เกี่ยวข้องกับหัวใจในคนหลายกลุ่มมากกว่าเพียงแค่มีหน้าที่ในการลดคอเลสเตอรอล
!!!!แต่สองปีหลังจากที่ตีพิมพ์ในปี 2008 นักวิจัยก็ได้ออกมาบอกว่าผลการศึกษาของ JUPITER มีข้อบกพร่อง - และพวกเขาไม่สนับสนุนผลประโยชน์ที่มีจากการรายงานในครั้งแรก ไม่เพียงแต่จะไม่มี "ความโดดเด่นในการลดภาวะแทรกซ้อนของโรคหลอดเลือดหัวใจ" แต่งานวิจัยล่าสุดที่ตามมาอย่างต่อเนื่องก็ถูกเรียกไปตรวจสอบว่ามีส่วนร่วมกับบริษัทผลิตยาในการทดลองดังกล่าวหรือไม่
!! ถ้าคุณกินยากลุ่ม statin คุณต้องกิน CoQ10
ยากลุ่ม Statin ทำให้ CoQ10 (โคเอ็นไซม์คิวเท็น)หมดสิ้นไปจากร่างกายของคุณ ซึ่งจะมีผลทำลายล้างเป็นอย่างมาก หากคุณใช้ยา statin โดยไม่กิน CoQ10 ร่วมด้วยแล้วล่ะก็ ถือว่าสุขภาพของคุณอยู่ในความเสี่ยงอย่างร้ายแรง
CoQ10 เป็นปัจจัยร่วม (Co-Enzyme) ที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างโมเลกุลเอทีพี (ATP)ที่คุณต้องการสำหรับการผลิตพลังงานของเซลล์ อวัยวะอย่างเช่นหัวใจของคุณมีความต้องการพลังงานที่สูงมากและดังนั้นจึงต้องการ CoQ10 มากขึ้นเพื่อการทำงานอย่างถูกต้อง ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตโดยตับของคุณและมันก็ยังมีบทบาทในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเช่นกัน
!! แพทย์มักไม่ค่อยแจ้งผู้ป่วยเกี่ยวกับความเสี่ยงนี้และเพียงแค่แนะนำให้พวกเขาใช้ CoQ10 เป็นอาหารเสริมถ้าต้องให้เขากิน statin ก็แค่นั้นเอง…
เพราะเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายของคุณสูญเสีย CoQ10 มากขึ้น ๆ จนหมดร่าง คุณอาจต้องทนทุกข์ทรมานจากความเมื่อยล้า กล้ามเนื้ออ่อนแอและที่รุนแรงที่สุดคือ....หัวใจล้มเหลว
Coenzyme Q10 เป็นสิ่งสำคัญมากในกระบวนการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นเมื่อ CoQ10 ของคุณหมดก็เท่ากับคุณป้อนวงจรของอนุมูลอิสระให้มากขึ้น พลังงานของเซลล์มีการสูญเสียและ DNA ในไมโตคอนเดรียก็เกิดความเสียหาย ถ้าคุณตัดสินใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เสริม CoQ10 คุณต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของคุณเพราะ CoQ10 ด้วยตัวของมันเองก็มี Co-factor อาทิ มันละลายได้ในน้ำมันเท่านั้นและทำงานร่วมกับแคลเซียม แม็กนีเซียม เป็นต้น
ยา statin ยังยุ่งเกี่ยวกับการทำงานทางชีวภาพอื่น ๆ รวมทั้งขั้นตอนช่วงเริ่มต้นของ mevalonate pathway ซึ่งเป็นวิถีศูนย์รวมสำหรับการจัดการสเตียรอยด์ในร่างกายของคุณ ผลผลิตของทางเดินนี้ที่ได้รับผลกระทบจากยากลุ่ม statin รวมถึง:
!!! ฮอร์โมนเพศทั้งหมดของคุณ
คอร์ติโซน
Dolichols ซึ่งมีส่วนร่วมในการรักษาเยื่อหุ้มภายในเซลล์ของคุณให้สุขภาพดี
ยังคงไม่เป็นที่แน่นอนว่ายากลุ่ม statin ทำลายวิตามินดีในร่างกายจนหมดสิ้นหรือไม่ แต่พวกมันจะลดความสามารถตามธรรมชาติของร่างกายในการสร้างวิตามินดีที่จำเป็นต้องใช้งาน (1,25-dihydroxycholecalciferol) นี่คือผลของยาลดคอเลสเตอรอล
เนื่องจากคุณต้องใช้คอเลสเตอรอลในการสร้างวิตามินดี! มันเป็นวัตถุดิบที่ร่างกายของคุณใช้สำหรับสร้างวิตามิน D หลังจากที่คุณได้สัมผัสกับแสงแดด นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่กล่าวว่าวิตามินดีช่วยปรับปรุงการต้านทานต่ออินซูลิน ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากมาย เพราะเมื่อคุณใช้ยา statin คุณจะสูญเสียกลไกในการส่งเสริมสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และนำไปสู่โรคเบาหวานอย่างแน่นอน
99 คนจาก 100 คนไม่จำเป็นต้องใช้ยา Statin
ยาเหล่านี้ได้แพร่กระจายออกสู่ตลาดด้วยวิธีอันทรงพลังทางการตลาด - การทุจริตและความโลภของบุคลาการในองค์กรเนื่องจากราคาที่สูงกว่าต้นทุนเป็น 100 เท่า
!!! คนที่อาจได้รับประโยชน์จริง ๆ ก็คือผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางพันธุกรรมที่เรียกว่าไขมันในเลือดสูง (Hypercholesterolemia)
!!! และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ คอเลสเตอรอลไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ
หากแพทย์ของคุณเร่งเร้าให้คุณตรวจสอบค่าคอเลสเตอรอลรวมของคุณ คุณควรจะรู้ว่าการทดสอบนี้แทบจะไม่บอกอะไรเลยเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคหัวใจเว้นแต่..ค่าของมันสูงถึง 330 หรือสูงกว่า ค่า HDL ต่างหากที่เป็นตัวบ่งชี้สำหรับความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และเป็นที่น่ายินดีที่ในบางโรงพยาบาลในขณะนี้เริ่มให้ความสำคัญของสองอัตราส่วนที่คุณควรใส่ใจกับมัน ดังนี้:
- HDL / Total Cholesterol: ควรจะสูงกว่าร้อยละ 24 หากต่ำกว่าร้อยละ 10 คุณมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการเกิดโรคหัวใจ
- Triglyceride/HDL : ควรจะต่ำกว่า 2
คนจำนวนมากในความดูแลของผมมีค่าคอเลสเตอรอลรวมกว่า 250 แต่มีความเสี่ยงต่ำสำหรับโรคหัวใจเนื่องจากระดับ HDL ที่สูงของพวกเขา ตรงกันข้ามคนจำนวนมากที่มีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่า 200 ที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการเป็นโรคหัวใจเพราะ HDL ที่ต่ำของพวกเขา – ร่างกายของคุณต้องการคอเลสเตอรอลมันเป็นสิ่งสำคัญในการผลิตเยื่อหุ้มเซลล์ ฮอร์โมน วิตามิน D และกรดน้ำดีที่ช่วยคุณในการย่อยไขมัน ยิ่งไปกว่านั้น คอเลสเตอรอลยังช่วยสมองของคุณในส่วนของความจำและมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทของคุณ
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานมากมายที่แสดงให้เห็นว่าการว่ามีคอเลสเตอรอลที่น้อยเกินไปเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ความจำเสื่อม โรคพาร์กินสัน ฮอร์โมนไม่สมดุล โรคหลอดเลือดสมอง โรคซึมเศร้า การฆ่าตัวตายและพฤติกรรมรุนแรง
มันไม่มีเหตุผลที่แท้จริงอะไรเลยที่จะใช้ยากลุ่ม statin เพื่อที่จะต้องยอมรับผลกระทบที่สร้างความเสียหายจากยาที่เป็นอันตรายเหล่านี้
!!! ความจริงก็คือว่าร้อยละ 75 ของคอเลสเตอรอลของคุณผลิตโดยตับของคุณซึ่งเป็นผลมาจากระดับอินซูลิน
ดังนั้นถ้าคุณเพิ่มประสิทธิภาพระดับอินซูลินของคุณ คุณก็จะเพิ่มประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติในปริมาณคอเลสเตอรอลของคุณได้
!!! คำแนะนำหลักของผมที่ปลอดภัยสำหรับการควบคุมคอเลสเตอรอลของคุณก็เพียงแค่การปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิตของคุณ:
- เพิ่มระดับวิตามินดีของคุณ
งานวิจัยโดย Dr. Stephanie Seneff ได้ให้ความสำคัญแบบสุดขีดของแสงแดดที่เหมาะสมสำหรับควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและป้องกันการเกิดโรคหัวใจของคุณ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดอ่านงานของ Dr. Stephanie Seneff
!! ลดน้ำตาลในอาหารของคุณและหันมากินอาหารที่เป็นผักสดให้มากขึ้น
!! ให้แน่ใจว่าคุณได้รับน้ำมันโอเมก้า 3 ที่มีคุณภาพสูงจากสัตว์
!! อาหารเพื่อสุขภาพหัวใจอื่น ๆ ได้แก่ น้ำมันมะกอก กะทิและน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ถั่วและเมล็ดพืช เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยหญ้าอินทรีย์
!! ออกกำลังกายทุกวัน. ให้แน่ใจว่าคุณได้ออกกำลังกายจนร่างกายมีการสร้างฮอร์โมนการเจริญเติบโตของมนุษย์ (HGH)
!! รับมือกับความท้าทายทางอารมณ์ของคุณ เทคนิคที่ชื่นชอบสำหรับการจัดการกับความเครียดของผมคือ ดนตรีและเสียงเพลง
!! หยุดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป
!! ให้แน่ใจว่า การนอนหลับของคุณสมบูรณ์แบบ
ซึ่งแตกต่างจากการใช้ยา statin ซึ่งลดคอเลสเตอรอลของคุณพร้อมไปกับการทำลายสุขภาพโดยรวมของคุณ
กลยุทธ์ในการดำเนินชีวิตเหล่านี้เป็นตัวแทนของแนวทางแบบองค์รวมที่จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมของคุณ..ซึ่งรวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือดมีสุขภาพดี
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น